ทางการกัมพูชาบุกทลายแหล่งต้องสงสัยในกรุงพนมเปญ จับกุมชาวเกาหลีใต้ได้ 57 ราย และชาวจีนอีก 29 ราย ในข้อหาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการฉ้อโกงทางไซเบอร์ข้ามชาติ โดยปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กัมพูชาเพิ่งส่งตัวชาวเกาหลีใต้ที่พัวพันเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

คณะกรรมการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ของรัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เข้าบุกค้นอาคารแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ต.ค.) ซึ่งต้องสงสัยว่าถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ข้ามชาติ

จากการบุกเข้าทลายครั้งนี้ ตำรวจได้ทำการจับกุมชาวเกาหลีใต้ 57 ราย และชาวจีน 29 ราย พร้อมยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ 126 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 30 เครื่อง

อุตสาหกรรมการฉ้อโกงทางไซเบอร์ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ขยายตัวอย่างมากในกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีคนนับพันรายเกี่ยวข้องในธุรกิจผิดกฎหมายนี้ ซึ่งบางส่วนเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ ขณะที่อีกหลายส่วนถูกบังคับโดยกลุ่มอาชญากร

การจับกุมครั้งใหญ่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่กัมพูชาได้ส่งตัวชาวเกาหลีใต้ 64 ราย ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาพัวพันกับเครือข่าย "Pig Butchering Scam" (การฉ้อโกงที่ใช้เวลาสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับเหยื่อก่อนจะทำการขโมยเงิน) กลับประเทศ

การส่งตัวกลับประเทศที่มีการติดตามอย่างใกล้ชิดนี้ เป็นผลมาจากความไม่พอใจของสาธารณชนจากเหตุการณ์นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ถูกทรมานและเสียชีวิตในกัมพูชาเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งมีรายงานว่าเชื่อมโยงกับแก๊งอาชญากรรม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและตำรวจท้องถิ่นเพื่อหารือเกี่ยวกับศูนย์จัดหางานปลอมและศูนย์ฉ้อโกง

กัมพูชาจับชาวเกาหลีใต้ 57 ราย ชาวจีน 29 ราย พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

ก่อนหน้านี้ นายโช ฮยอน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงเพิ่มอีก 10 ราย และช่วยเหลือเหยื่อได้ 2 ราย กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ประเมินว่ามีชาวเกาหลีใต้ราว 1,000 คน เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำงานในศูนย์อาชญากรรมเหล่านี้ จากจำนวนรวมทั้งหมดประมาณ 200,000 คนในกัมพูชา โดยมีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 550 ราย ถูกรายงานว่าสูญหายหรือถูกควบคุมตัวไว้โดยไม่สมัครใจ หลังจากเดินทางเข้ากัมพูชาตั้งแต่ปีที่แล้ว.