❤️ หัวใจเป็นดั่งปั้มน้ำอัจฉริยะ เพราะสามารถ ‘รับรู้’ ได้ทันทีว่าควรจะบีบสร้างแรงเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งสมองเลย ปรับเองได้เลย


กลไกนี้มีชื่อเท่ๆ ว่ากลไก Frank-Starling

และกลไกนี้จะเสื่อมไป ถ้าไม่ดูแลสุขภาพ


.


🩸 Frank-Starling คืออะไร?


ย้อนไปสมัยต้นศตวรรษที่ 19 Otto Frank และ Ernest Starling ทั้งคู่ทำลองกับหัวใจสัตว์แล้วพบว่า ยิ่งเลือดไหลกลับเข้าหัวใจมาก → กล้ามเนื้อหัวใจยืดออก → บีบแรงขึ้น


เรียกง่ายๆ ว่า

“ยืดมาก = บีบแรง”

กลไกนี้ช่วยให้หัวใจบีบเลือดได้พอดีกับสิ่งที่ได้รับเข้ามา

แม้ไม่มีคำสั่งจากสมองเลยค่ะ 🧠❌


.


ในชีวิตประจำวัน กลไกนี้ทำงานยังไง?


🏃🏼‍♀️‍➡️เวลาออกกำลังกาย → กล้ามเนื้อบีบเลือดกลับหัวใจมากขึ้น

→ หัวใจยืดออก → บีบแรงขึ้นพอดี

🤸‍♂️เวลาเป็นลมให้นอนยกขาสูง → เลือดไหลกลับหัวใจ

→ ใช้ Frank-Starling → บีบแรงขึ้น ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ทัน


.


🧨 กลไกนี้พังเมื่อไหร่?


แม้จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้ายืดมากเกินไป หัวใจก็ “หดไม่ไหว”

เกิดเลือดค้าง กลไกนี้หยุดทำงาน ระบบหมุนเวียนห่วยลงทันที


🔻 หัวใจล้มเหลว (Heart Failure)

หัวใจบีบเบา → เลือดค้างในห้องหัวใจ

→ รับเลือดรอบใหม่ไม่ไหว → ค้างมากขึ้น

→ ปอดเริ่มน้ำท่วม ขาเริ่มบวม หัวใจโป่งแต่ไม่แรง


🔻 โรคไตเรื้อรัง (CKD)

ไตเสื่อม → ขับน้ำได้น้อย → เลือดในร่างกายเยอะเกิน

→ หัวใจรับเลือดเยอะทุกวัน → ยืดจนเกินลิมิต

→ หดไม่ไหว → เลือดค้าง น้ำท่วมปอด บวมทั่วตัว

→ เข้าสู่วงจรหัวใจล้มเหลวเหมือนกัน


ทั้งสองภาวะ มีต้นตอมาจากโรคยอดฮิตอย่าง ไขมันแทรกผนังหลอดเลือด, เบาหวาน, ความดันสูง, ไขมันสูง ซึ่งนั่นแหละค่ะ มาจากการพฤติกรรมสุขภาพนั่นแหละ


.


🔮 สรุปค่ะ

กลไก Frank-Starling คือระบบปรับแรงบีบหัวใจอัตโนมัติ

แต่ถ้าเลือดคั่งมากเกินไป กลไกนี้จะหยุดทำงานทันที

→ นำไปสู่หัวใจล้มเหลวได้เลย


❤️ ดูแลหัวใจดวงน้อยๆ ของเราให้ดีนะคะ: กินดี นอนดี ออกกำลังกาย ควบคุมปริมาณไขมันในร่างให้ปกติ, งดบุหรี่, งดสุรา, ดูแลสุขภาพจิต และตรวจสุขภาพเสมอ, หากมีโรคเรื้อรังแล้วต้องยิ่งเคร่งค่ะ


Cr:Tensia